วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ไทยศรีประกันภัย เล็งขยายประกันภัยในลาวจับลูกค้าผู้ประกอบการ-รายย่อย

ไทยศรีประกันภัยเตรียมขยายการรับประกันภัยนำร่องในลาว คาดไตรมาสแรกปีนี้ได้ข้อสรุป เล็งเจาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจที่เข้าไปลงทุนระบบสาธารณูปโภคและประกันภัยรายย่อย ขณะเดียวกันจับมือพันธมิตรในไทยร่วมประมูลงานรับประกันภัยโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ตั้งเป้าสิ้นปี 2551 เบี้ยรับรวม 1,728 ล้านบาทจาก 1,600 ล้านบาทในปีก่อน พร้อมปรับแผนลงทุนเพิ่มสัดส่วนลงทุนตปท.จาก5% เป็น 20% โดยเฉพาะกองทุน FIF ชี้ผลตอบแทนมากกว่า 10%

นายนที พานิชชีวะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด เปิดเผย ฐานเศรษฐกิจ ว่า ในปี 2551 นี้บริษัทฯมีแผนที่จะเข้าไปลงทุนขยายธุรกิจและให้บริการด้านประกันภัยในประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ลาว พม่า และกัมพูชา โดยเฉพาะการขยายตลาด Non-Motor ในลักษณะการรับประกันความเสี่ยงภัย เจาะกลุ่มผู้ประกอบการภาคเอกชนที่เข้ามาลงทุนสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆ กลุ่มธุรกิจที่ให้บริการด้านการท่องเที่ยว ฯลฯ รวมทั้งการประกันภัยส่วนบุคคลหรือรายย่อย โดยจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีรายได้สูงซึ่งเป็นตลาดที่มีโอกาสทำกำไรได้ดี

ภายในไตรมาสแรกนี้จะหาข้อสรุปถึงความเป็นไปได้ในการเข้าไปลงทุนในประเทศลาว

เพื่อเป็นโครงการนำร่องขยายธุรกิจในปีนี้ ซึ่งจะพิจารณาถึงโอกาสทางธุรกิจที่อยู่บนพื้นฐานของต้นทุนที่ไม่สูงมาก โดยที่รูปแบบการเข้าไปลงทุนนั้นอยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมระหว่างการร่วมทุนกับรัฐบาลลาว หรือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับประกันภัยท้องถิ่น หรือการเข้าไปลงทุนตั้งสำนักงานสาขาเองด้วยวิธีการเช่า ซึ่งมูลค่าการลงทุนยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ระหว่างการประเมินต้นทุน แต่เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีธุรกิจประกันภัยในไทยเข้าไปลงทุน

ที่ผ่านมาตลาดประกันภัยในไทยแข่งขันกันสูงขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้จึงเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าไปลงทุนต่างประเทศภายใต้ระบบการแข่งขันเสรี ด้วยการนำความแข็งแกร่งของไทยที่มีการพัฒนาเหนือกว่าประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งการขอใบอนุญาตทำธุรกิจยังมีอัตราใกล้เคียงกัน ถือเป็นจุดแข็งทำให้ต้นทุนยังไม่สูงมาก ซึ่งรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะมาเข้ามาบริหารประเทศ น่าจะพิจารณาผลักดันในเรื่องของกฎเกณฑ์ต่างๆเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจประกันภัยให้มากขึ้น เช่น การประกันภัยต่อ การขอใบอนุญาตให้บริการประกันภัยในต่างประเทศ การส่งเงินข้ามแดนที่เกี่ยวกับกรณีการทำประกันภัย เป็นต้น นายนทีกล่าว

ในส่วนของแผนธุรกิจในประเทศไทยสำหรับปีนี้ บริษัทฯมีนโยบายจับมือกันพันธมิตรเข้าร่วมประมูลการรับประกันภัยในโครงการเมกะโปรเจ็คต์ โดยเฉพาะในโครงการพัฒนาระบบการขนส่งของประเทศ เช่น ระบบรางคู่ รถไฟฟ้า ฯลฯ โดยขณะนี้ได้ร่วมกับพันธมิตรในการเข้าประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ในรูปแบบการประกันภัยต่อ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีโอกาสได้รับการประมูล ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นซองและพิจารณาของคณะกรรมการ จากปีที่ผ่านมาบริษัทรับประกันในโครงการก่อสร้างทั่วไป ในโครงการสร้างสะพานขนาดใหญ่ และการรับประกันโรงงานขนาดใหญ่ ที่เป็นธุรกิจต่างชาติ เช่น กลุ่มเนสท์เล่ และโรงกลั่น

สำหรับกลยุทธ์ทางด้านการรับประกันภัยปีนี้ นายนที กล่าวว่า บริษัทจะพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมาย เช่น ในด้านนของ Non-Motor ได้แก่ การรับประกันอัคคีภัยบ้านที่อยู่อาศัย ในรูปแบบห้องชุด เจาะตลาดรายย่อย กลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในไทย คิดอัตราเบี้ยประกันตามความเสี่ยงภัย หรือการประกันภัยความรับผิดต่อผลิตภัณฑ์ (Pro-duct Liability) และการประกันชดเชยรายได้ สำหรับกลุ่มคนที่ต้องการความคุ้มครองเพิ่มขึ้ ส่วนด้าน Motor เปิดตลาดกลุ่มใหม่ที่มีอัตราการเสี่ยงภัยต่ำ เช่น ล่าสุดออกกรมธรรม์ใหม่ TSRI TPL EXTRA PLUS ประเภทประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 พิเศษ เบี้ยประกันภัย 6,800 บาท จับกลุ่มรถขับดี หรือกรรมธรรม์ในกลุ่มประกันภัยรถโบราณหรือคลาสสิคคาร์ เพื่อควบคุมอัตราการสูญเสียของบริษัทอยู่ที่ 50-60%

นอกจากนี้ บริษัทฯจะขยายช่องทางการทำตลาดใหม่ ผ่านการทำเทเลมาร์เก็ตติ้งในกลุ่มตลาดผู้ถือบัตรเครดิตและซื้อมือถือใหม่ ผ่านตัวแทนและนายหน้าประกันภัยประมาณ 600-700 ราย นอกเหนือจากช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ที่ประสบความสำเร็จในปีที่แล้ว โดยปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าเบี้ยรับประกันภัยรวมเติบโตขึ้น 8% จากปีที่แล้วมีเบี้ยอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท เป็นเบี้ยที่มาจากNon- Motor เพิ่มขึ้นเป็น 40% จากเดิม 25% และอีก 60% เป็นกลุ่มMotor โดยจะยังคงรักษาอันดับในธุรกิจประกันภัยไว้ที่อันดับที่ 18 หรือมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 1.6%

ทางด้านการลงทุนปีนี้ นายนที กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทเพิ่มสัดส่วนการลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น 20% จาก 5% ในปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนผ่านกองทุนรวม FIF (Foreign Investment Fund) และลงทุนในพันธบัตรต่างประเทศระยะยาว อาทิ รัสเซียและบราซิล เนื่องจากการลงทุนในต่างประเทศขณะนี้ให้ผลตอบแทนมากกว่าอยู่ที่ 10% เมื่อเปรียบเทียบกับในประเทศอยู่ที่ 7% ของเงินลงทุน

ไทยศรีประกันภัย ลั่นรุกขยายตลาดประกันภัยบ้าน

ไทยศรีประกันภัยเล็งรุกตลาดประกันภัยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ปรับผลิตภัณฑ์ 2 รูปแบบ SWEET HOME คุ้มครองอัคคีภัยเบี้ยประหยัด 600 บาท และ HOME Care ประกันภัยแบบยืดหยุ่น ตั้งเป้าเพิ่มเบี้ยจากการรับประกันอัคคีภัย 10% จากเบี้ยปีก่อน 408 ล้านบาท เน้นขายผ่านช่องทางตัวแทน 2,000 คน และแบงก์แอสชัวรันซ์ จับมือพันธมิตรธอส.เพิ่มจากเดิมร่วมกับ LH BANK อยู่แล้ว เจาะลูกค้าต่างชาติและลูกค้าตจว.ที่ต้องการความคุ้มครองเพิ่ม

นายนที พานิชชีวะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด กล่าวว่า ในเร็วๆนี้บริษัทมีแผนขยายตลาดใหม่ทางด้านรับประกันภัยนอนมอเตอร์ เน้นการรับประกันภัยที่อยู่อาศัย โดยอยู่ระหว่างปรับผลิตภัณฑ์ให้มีรายละเอียดที่เข้าใจง่ายและเพิ่มเติมความคุ้มครอง แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ Sweet Home เบี้ยประกันไม่แพงและมีความคุ้มครองประกันอัคคีภัยบ้าน แบบประหยัด 600 บาท ส่วนอีกรูปแบบคือ Home Care เบี้ยประกันภัยแบบยืดหยุ่นเพิ่มความคุ้มครองได้ตามความต้องการ เช่น การโจรกรรมทรัพย์สินภายในบ้าน ฯลฯ

ช่วงแรกจะขยายตลาดผ่านช่องทางตัวแทนและนายหน้า ซึ่งเป็นช่องทางหลัก เจาะลูกค้าเดิมที่ทำประกันภัยรถยนต์กับบริษัทอยู่แล้ว โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 300,000 กว่ากรมธรรม์ โดยเฉพาะลูกค้าที่มีศักยภาพ เช่น ชาวต่างชาติ หรือลูกค้าในพื้นที่ต่างจังหวัดที่ไม่มีภาระผ่อนบ้านแล้ว หรือผ่อนบ้านได้ระยะหนึ่งแต่ต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติม

นอกจากนี้ เตรียมขยายช่องทางขายผ่านแบงก์แอสชัวรันซ์ร่วมกับพันธมิตรใหม่ โดยอยู่ระหว่างเจรจากับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จากปัจจุบันที่ร่วมมือกับธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย ( LH BANK ) เพียงรายเดียวในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา

บริษัทต้องการกลับมาสร้างตลาดใหม่อย่างจริงจัง ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยอัคคีภัยบ้านสิ้นปีเพิ่ม 10% จากสิ้นปีก่อนเบี้ยประกันอยู่ที่ 408 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้ฝึกตัวแทนที่มีอยู่ 2,000 คนให้มั่นใจในการขายสินค้าประเภทนี้เพิ่มขึ้น เพราะยังเป็นอุปสรรคที่ทำให้ตลาดนี้ไม่เติบโตในช่วงที่ผ่านมา นายนทีกล่าว

นายนที ยังได้กล่าวถึง ทิศทางธุรกิจของบริษัทในปีนี้ คาดว่าครึ่งหลังของปี

จะปรับเป้าเบี้ยรับเพิ่มอีก 5-10% เนื่องจากปัจจุบันมีความแข็งแกร่งด้านเงินกองทุนและ

มีกำไรจากการดำเนินงาน ติดอันดับ 1 ใน 10 ของธุรกิจประกันภัย โดยคาดว่าปีนี้จะมีกำไรไม่ต่ำกว่าปีก่อนซึ่งมีกำไร 170 ล้านบาท ขณะที่ 4 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 50.6 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 21.5 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงาน 41 เดือนแรก บริษัทมีเบี้ยรับโดยตรง 653 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.87% จาก 589 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะมีฐานลูกค้าประกันภัยรถยนต์และประกันภัยกลุ่มโรงงานเพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็นผลจากนโยบายควบคุมค่าใช้จ่ายและคัดเฉพาะงานคุณภาพ

ปัจจุบัน สัดส่วนเบี้ยผ่านช่องทางตัวแทนอยู่ที่ 80% อีก 20% เป็นไดเร็กมาร์เก็ตติ้ง ที่เป็นงานโครงการ แบ่งเป็นการประกันมอเตอร์ 65% ที่เหลือเป็นประกันอัคคีภัยบ้านที่อยู่อาศัย 20% เบ็ดเตล็ด 15% มารีน 5%

จากนโยบายควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อนำรายได้ที่เพิ่มขึ้นปรับปรุงบริการให้ประสิทธิภาพที่ดี เมื่อต้นปีบริษัทได้จ้างบริษัทวิจัยมิลลิแมน (Milliman) จากประเทศฮ่องกง ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความชำนาญด้านการวิเคราะห์ การตั้งสำรองทางธุรกิจตามมาตรฐานสากล ซึ่งผลการประเมินเงินสำรองส่วนเกินทุกตัวครั้งนี้ เป็นที่น่าพอใจ สูงกว่าเกณฑ์ RBC ใหม่ที่คปภ. กำหนด ถือว่าเป็นโมเดลเริ่มต้นที่สามารถใช้ได้ทันทีในปี 2554 โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนอีก

ไทยศรีประกันภัย เปิดโครงการ กรรมธรรม์สีเขียวลดโลกร้อน

 
ไทยศรีประกันภัย  เปิดโครงการ กรรมธรรม์สีเขียวลดโลกร้อน
 
          นที พานิชชีวะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด จัดแถลงข่าวแนะนำโครงการ กรรมธรรม์สีเขียวลดโลกร้อน " ไทยศรี อินชัวร์รันส์ กรีน อินโนเวชั่นโปรเจ็กต์ 2009" พร้อมแนะนำ ธาวิน ศรีเฟื่องฟุ้ง ผู้จัดการสำนักวิจัยและพัฒนาธุรกิจ โดยมีดารานักแสดงร่วมงานคับคั่ง อาทิ นินนาท สินไชย, ณัฐกานต์ ประสพสายพรกุล,อลิชา ไล่สัตรูไกล และ เจนสุดา ปานโต ร่วมงาน โดยมี พิธีกร ดีเจอรรณพ กิตติกุล ดำเนินรายการ ณ โรงแรมพันธุ์ทิพย์ สวีท สาทร ซอย 1

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ไทยศรีประกันภัย

เว็บนี้จะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ โดยเฉพาะข้อมูลของบริษัท ไทยศรีประกันภัย